พิธีการเรื่องงานศพนั้น เริ่มต้นจากการอาบน้ำแต่งตัวให้ผู้ตายสมัยก่อนนิยมใช้น้ำอบ

11

ตามปกติเมื่อมีคนตายไม่ว่าจะตายที่บ้านหรือที่โรงพยาบาล ญาติต้องไปแจ้งอำเภอเป็นอันดับแรก แล้วเขาก็มีวิธีการชันสูตรศพตามระเบียบกฎหมายของบ้านเมือง เมื่อไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ญาติก็สามารถนำร่างไร้วิญญาณนั้นมาประกอบพิธีตามศาสนาใครศาสนามันได้ สำหรับชาวพุทธก็มีการสวดศพ บำเพ็ญกุศล เริ่มตั้งแต่มีการรดน้ำศพ บรรจุศพลงโลง สวดพระอภิธรรม ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์ เผาศพ เก็บอัฐิ และการทำบุญครบรอบวันตาย ตามแต่วัฒนธรรมและกำลังทรัพย์ของแต่ละบ้านจะเอื้ออำนวย

พิธีการเรื่องงานศพนั้น เริ่มต้นจากการอาบน้ำแต่งตัวให้ผู้ตาย สมัยก่อนนิยมใช้น้ำอบ ประแป้ง แต่งตัวตามยศศักดิ์ที่มี ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ก็เลือกชุดที่ผู้ตายชอบใส่ แต่บางบ้านนิยมใช้เสื้อผ้าใหม่ ๆ สวย ๆ ด้วยมีความคิดว่าอยากให้ผู้ตายดูดีที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็นำศพขึ้นนอนบนตั่ง โดยหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก เพื่อให้ญาติพี่น้อง มิตรสหายเข้ามารดน้ำศพเพื่อแสดงความเคารพและขอขมากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะทำการมัดตราสังบรรจุลงหีบศพต่อไป ถ้าเป็น
ข้าราชการมียศถาบรรดาศักดิ์ ญาติสามารถทำเรื่องขอน้ำหลวงพระราชทานเพื่อนำมาอาบน้ำศพได้ วิธีมัดตราสังนั้นโบราณเขาจะทำเป็นกรวยดอกไม้สดใส่ในมือผู้ตายที่จัดท่าให้พนมมือไหว้ระหว่างอก แล้วก็นำเงินใส่ไปในปากผู้ตาย

ประเพณีการใส่เงินในปากคนตายนั้น เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไรไม่มีการบันทึกเอาไว้ แต่จากการกล่าวอ้างว่ามีหลักฐานปรากฏอยู่ในประเพณีของชนหลายชาติไม่ว่าจะเป็น กรีก ฮินดู จีน ยิว ฯลฯ สำหรับคนไทยแต่โบราณทำเป็นประเพณีสืบกันมานั้น มีเล่ากันมาว่า สมัยก่อนนิยมเย็บเป็นถุงผ้าเล็ก ๆ นำเงินหรือของมีค่าบรรจุใส่ถุงแล้วยัดใส่ไปในปากผู้ตายอีกทีหนึ่ง โดยให้เชือกที่มัดปากถุงผ้านั้นห้อยออกมานอกปากเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงนั้นร่วงหล่นเข้าไปในคอผุ้ตาย จึงมีคำเรียกกันว่า “ เงินปากผี “ เจ้าเงินปากผีนี้เองที่ผู้สร้างหนังไทย นำมาเป็นพล๊อตเรื่องสร้างเป็นหนังเป็นละคร หรือเขียนเป็นนวนิยายให้อ่านกันมานักต่อนักแล้ว นอกจากนี้ พวกบ้าวัตถุอาถรรพ์ทั้งหลาย ต่างก็พยายามแสวงหาเงินปากผีมาไว้ครอบครอง นัยว่ามันเฮี้ยนดีนักแล เอ้า…ความเชื่อของแต่ละคน ก็ว่ากันไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประเพณีเอาเงินใส่ปากผู้ตายนั้น เป็นเคล็ดในการสอนสั่งญาติมิตรสหายของผู้ตายให้เห็นว่า คนเราเมื่อตายแล้ว แม้แต่เงินที่อยู่ในปากตัวเองยังเอาไปไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่จะสามารถติดตามไปได้ก็คือความดี บุญกุศลที่ได้สะสมเอาไว้เมื่อยามมีชีวิตอยู่ ซึ่งสาระสำคัญในส่วนนี้มักจะเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ที่จะต้องมาเทศน์ให้ญาติโยมฟัง