กลยุทธ์..ในการเลือกเฟ้นซื้อของที่นอนให้เข้าทีพร้อมด้วยตัวเอง

เตียงดีไม่มีหัก แต่ก่อนที่คุณจะออกไปเลือกซื้อที่นอน จงเตรียมหาคำตอบกับปัญหากลุ่มนี้ไว้เดิม

จะทำให้การเลือกเฟ้นที่นอนง่ายขึ้น ไม่เสียเวลาแต่อย่างไรตรวจหาความใคร่และขั้นร่างกายของตัวเอง

เพราะเหตุใดถึงต้องสำรวจตัวเองก็เพราะหลาย ๆ ท่านมักจะมีตัวปัญหากับสภาวะร่างกาย เช่น ปวดหลัง ปวดเอว

จึงจำเป็นต้องหาที่นอนที่สามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้หรืออย่างน้อยจะต้องไม่ทับถมให้ท่าทางหนักขึ้นไปอีก

พร้อมกับใครที่ชอบนอนที่นอนแข็งๆ ก็ต้องหาประกาศว่าที่นอนแข็งๆ มันทำมาจากอะไรมีผลดีโทษอย่างไรต่อร่างกาย

หาข่าวคราวเพราะที่นอนประเภทต่าง ๆ   อันนี้ถือว่าจำเป็นมากๆ เพราะจะทำให้คุณมีประกาศรู้จริง ไม่ต้องคล้อยตามพนักงานขายเดียว

เพราะอันดับและประเภทของที่นอน ขอโดยสังเขปเป็นหมู่อย่างนี้

แบบแข็ง    ยกตัวอย่างเช่น ที่นอนที่ทำจากต้นยางพารา มีความนุ่มและผ่อนปรนดี น้ำหนักมากคงสถานะดี อายุการใช้งานไม่ค่อยนานนัก

สรรพคุณเด่นคือ เก็บความชื้นและธุลี ระบายโพยมานได้น้อยและยังดูดความชุ่มชื้นได้ดี

ฉะนั้นใครที่ชอบที่นอนยางพาราก็ขอให้นึกตรองให้ดีก่อน

อีกชนิดหนึ่งได้แก่ ที่นอนใยมะพร้าว ซึ่งมีประเภทค่อนข้างแข็ง ไม่นุ่มเท่าต้นยางพารา น้ำหนักมากคงสภาวะดี

ไม่สะสมความชื้น ระบายลมฟ้าอากาศได้ดี เพราะด้านในโปร่งต่างจากที่นอนยางพารา

แต่ถ้าชอบที่นอนแข็งผมขอแนะนำที่นอนใยมะพร้าวจะดีกว่า

 

สติ๊กเกอร์ติดผนังกระดาษและสติ๊กเกอร์ติดผนังสุญญากาศแตกกันอย่างไร

สติ๊กเกอร์ติดผนังกระดาษ Paper sticker

สติ๊กเกอร์ชนิดนี้ เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะเนื่องจากมีราคาถูกกว่าสติ๊กเกอร์ชนิดอื่นๆ เหมาะสำหรับนำไปใช้งานประเภทติดกับวัสดุที่ไม่ต้องระวังการเปียกหรือโดนน้ำ และใช้ติดฉลากสินค้าทั่วๆ ไป เช่น สติ๊กเกอร์บาร์โคด สติ๊กเกอร์บอกวันหมดอายุ สติ๊กเกอร์ติดผลไม้ เป็นต้น

สติ๊กเกอร์กระดาษมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด อาทิ สติ๊กเกอร์กระดาษขาวเงา สติ๊กเกอร์กระดาษขาวด้าน สติ๊กเกอร์กระดาษเงินเงา สติ๊กเกอร์กระดาษทองเงา และสติ๊กเกอร์กระดาษอื่นๆ อีกมากมาย คุณสมบัติ สามารถเปียกหรือโดนน้ำได้ประมาณ 40% (ไม่ได้โดนโดยตรง แต่ถ้าเคลือบลามิเนต สามารถที่จะโดนได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ถึง 100% ดีนัก) และทนความร้อนได้ประมาณ 90 องศาเซลเซียส การพิมพ์ จะพิมพ์ในระบบเลสเตอร์เพรสและโรตารี่ พร้อมไดคัทขึ้นรูป สามารถแกะออกง่าย เพราะมีช่องว่างระหว่างดวง มีแบบเป็นแผ่นและม้วน สำหรับแบบม้วน สามารถใส่เครื่องติดสินค้าได้เลยทันที และยังสามารถเพิ่มความสวยงาม โดยการเคลือบยูวีเงา ลามิเนตเงา ลามิเนตด้าน ลามิเนตด้านบวกสปอตยูวี ปั๊มเคเงิน ปั๊มเคทอง หรือปั๊มนูนตามแบบ

สติ๊กเกอร์ติดผนังสุญญากาศ

สติ๊กเกอร์ชนิดนี้ นิยมนำมาใช้ติดกับกระจกรถยนต์ หรือเหมาะสำหรับใช้งานประเภทอื่นๆ เช่น บัตรอนุญาตจอดรถ ติดกระจกเพื่อโฆษณาทั่วๆ ไป เป็นต้นคุณสมบัติ สามารถเปียกหรือโดนน้ำได้ แต่ส่วนมากจะไม่นำเอาไปติดมนสถานที่โดนน้ำ และทนความร้อนได้ประมาณ 40-60 องศาเซลเซียส การพิมพ์ จะพิมพ์ในระบบเลสเตอร์เพรสและโรตารี่ พร้อมไดคัทขึ้นรูป สามารถแกะออกง่าย เพราะมีช่องว่างระหว่างดวง มีแบบเป็นแผ่นและม้วน สำหรับแบบม้วน สามารถใส่เครื่องติดสินค้าได้เลยทันที และยังสามารถเพิ่มความสวยงาม พร้อมไดคัท ก็สามารถทำตามแบบที่ต้องการได้ แต่สติ๊กเกอร์ชนิดนี้จะไม่นิยมนำไปเคลือบ

ท่อเหล็กขนาดใหญ่ที่ใช้งานก่อสร้างมีความสำคัญอย่างไร?

ท่อเหล็กหรือเหล็ก จัดเป็นวัสดุอุตสาหกรรมที่ถูกนำเข้ามาใช้ในงานก่อสร้างเป็นจำนวนมาก และในปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าท่อเหล็กนั้นมีบทบาทสำคัญที่ทำให้วงการงานก่อสร้างก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว วันนี้ http://www.nssteel.co.th/ มีขั้นตอนการผลิตท่อเหล็กหรือเหล็กมาอธิบายให้คุณได้รู้จักค่ะ  ขั้นตอนการผลิตท่อเหล็กหรือเหล็ก แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

1.ท่อเหล็กหรือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดเย็น (Cold formed structural steel) โดยส่วนใหญ่แล้วเหล็กประเภทนี้ จะนำไปทำเป็นโครงสร้างในการก่อสร้าง เช่น เสา คาน และอื่นๆ ซึ่งนิยมใช้เป็นเหล็กทรงตัว C และเหล็กรูปพรรณที่เป็นกลวงประเภทท่อเหล็ก อาทิเช่น ท่อเหล็กกลมสี่เหลี่ยมจุตรัส ท่อเหล็กกลมสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นต้น ทั้งหมดนี้จะเกิดการพับตัวขณะอยู่ในอุณหภูมิที่ปกติ  วัตถุดิบที่ใช้จะเป็นเหล็กแผ่นซุบสังกะสีและเหล็กแผ่นรีดร้อน เพราะมีความแข็งแรง ทนทาน ทนต่อการกัดกร่อน

2.ท่อเหล็กหรือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (Hot rolled structural steel) ซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก โดยขนาดใหญ่จะมีความกว้างถึง 200 มม. ขนาดเล็กจะกว้างน้อยกว่า 200 มม. ท่อเหล็ก หรือ เหล็ก ประเภทนี้ จะเกิดจากการหล่อหลอมขึ้นมาเป็นรูปทรงเหล็กแท่ง แล้วจึงรีดเพื่อให้ความร้อน ทำการลดขนาดลงเพื่อขึ้นรูปใหม่อีกครั้ง วัตถุที่ใช้ได้แก่ เหล็ก I-Beam เหล็ก H-Beam เป็นต้น เป็นเหล็กที่สามารถต้านทานการดัดโค้งหรือการบิดได้ดี จึงนิยมใช้ทำเป็นโครงสร้างตงพื้น คาน และ เสา  ในงานก่อสร้าง งานสถาปนิกต่างๆ

 

เกล็ดความรู้เกี่ยวกับผ้าม่าน

การตกแต่งบ้าน  นอกจากเฟอร์นิเจอร์เครื่องประดับบ้านต่างๆ แล้วอีกส่วนหนึ่งที่จะขาดไม่ได้คือ ผ้าม่าน โดยในปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาความสนใจในเรื่องสี ชนิดของผ้าและสไตล์ของห้องมากขึ้น ทำให้ผ้าม่านในปัจจุบันได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ไม่หยุดนิ่ง โดยหน้าที่สำคัญของผ้าม่าน คือ ปิดบังสายตาจากคนภายนอกบ้าน และให้ความเป็นส่วนตัวแก่คนในบ้าน วันนี้ ilovepamaan.com เลยขอนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ ผ้าม่าน เพื่อให้ทุกๆท่านได้ทราบเกี่ยวกับคุณสมบัติและประโยชน์ของผ้าม่าน

ม่านจีบ Pleat Curtain

รูปแบบม่านจีบเป็นการตัดเย็บด้วยการจับหัวผ้าม่านมาเย็บทำให้เป็นจีบ 3จีบ สามารถเลือกผ้าที่จะนำมาตัดเย็บได้ทุกประเภท  เช่น ผ้าทึบแสง ผ้าโปร่ง สามารถทำม่าน 2 ชั้นได้ ม่านจีบสามารถใช้ได้กับรางโชว์และรางลูกล้อ ที่เป็นรางตัวเอ็ม หรือ รางตัวซี ซึ่งเป็นรางที่ใช้งานง่าย สะดวกในการดูแลรักษา ราคาไม่แพงเป็นที่นิยมใช้มากที่สุด ม่านจีบเป็นม่านสไตล์คลาสิกที่ดูเรียบง่ายสามารถใช้ตกแต่งได้กับทุกๆห้อง

ม่านคอกระเช้า Loops Curtain

รูปแบบม่านคอกระเช้าเป็นการตัดเย็บที่ทำได้ง่าย และการติดตั้งก็ทำได้ง่าย สามารถตกแต่งม่านเพิ่มเติมด้วยลูกเล่นต่างๆเช่น การเย็บติดกับกระดุม หรือทำโบว์ผูกติดผ้าม่าน ควรเลือกผ้าที่นำมาตัดเย็บมีสีในโทนเดียวกันกับราวม่าน และไม่มีลวดลายใดๆมากนัก จะเหมาะกับห้องที่ต้องการความเก๋ น่ารัก ดูเป็นลักษณะงานฝีมือ ม่านคอกระเช้าเป็นม่านที่ง่ายต่อการติดตั้งและดูและรักษาง่าย สามารถถอดผ้าม่านมาซักได้ง่าย

ม่านพับ Roman Curtain

รูปแบบม่านพับเป็นการตัดเย็บที่ต้องร้อยเชือกเพื่อการบังคับปิดเปิดขึ้นลงในแนวดิ่ง เป็นม่านที่ได้รับความนิยมมากเพราะความที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย มีลักษณะเป็นชั้นพับซ้อนทับกันเมื่อดึงม่านเปิดขึ้นด้านบน การเลือกผ้าควรเลือกผ้าสีพื้นหรือผ้าลายแถบ เหมาะกับห้องที่ต้องการตกแต่งแนวทันสมัย เน้นสีที่ดูเรียบ สบายตา สามารถตกแต่งได้กับทุกห้องหรือโถงบันได ม่านพับจำเป็นที่ต้องใช้คู่กับราง ที่เรียกว่ารางม่านพับตัวรางเป็นอลูมิเนียม อุปกรณ์ประกอบรางเป็นพลาสติก

 

ทำบุญบริจาคโลงศพผลที่ได้รับจะเป็นอย่างไร

บริจาคโลงศพ

 

มีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับอานิสงส์ของการบริจาคโลงศพ โดยส่วนใหญ่เชื่อว่า เป็นการทำบุญที่ได้บุญมาก ช่วยสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา สืบอายุ ช่วยให้พ้นจากภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ จึงเป็นที่มาของความนิยมในการบริจาคโลงศพที่มีมากขึ้นในรูปแบบที่หลากหลายแตกต่างกันไป บางที่ก็เพียงแต่ซื้อโลงศพเพื่อบริจาคแล้วอธิษฐานแผ่เมตตาจิตถึงผู้เสียชีวิต บางที่จะมีการทำพิธีเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ เช่น การลงไปนอนบนฝาโลง นอนในโลง มีการทอดผ้าบังสุกุลและนิมนต์พระมาสวด เชื่อกันว่าจะทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้หายไปได้

แท้จริงแล้วนั้นการให้ทานทั้งหลายถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งในบุญกริยาวัตถุ 10 ปราการ ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญ มีความหมายหมายถึง สิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดความสุข ความเจริญ ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า เป็นชื่อของธรรมะ ที่เป็นเหตุให้ กาย วาจา ใจ อยู่ในความดีงาม การทำบุญด้วยการบริจาคโลงศพ จึงเป็นบุญที่เกิดจากการให้ทานแก่ผู้เสียชีวิตที่ยากไร้หรือศพไร้ญาติผู้น่าเวทนา เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต และนี่ควรจะเป็นเจตนาที่แท้จริงของการบริจาคโลงศพ จึงจะทำให้ได้บุญมากอย่างที่เข้าใจกันได้

มีผู้รู้ได้วิจารณ์เกี่ยวกับอานิสงส์ของการบริจาคโลงศพด้วยความเชื่อในแบบต่าง ๆ ไว้ดังนี้

บริจาคโลงศพเพื่อช่วยเหลือผู้ตายที่ขัดสนยากไร้ หรือศพไร้ญาติ อย่างนี้เป็นบุญที่ทำด้วยความสงสาร และปรารถนาจะช่วยเหลือสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีธรรมะ คือ ความเมตตากรุณาเป็นปัจจัยให้บริจาคทาน ถือเป็นการทำบุญด้วยใจที่บริสุทธิ์

บริจาคโลงศพโดยการนอนบนฝาโลง ทอดผ้าบังสุกุล และนิมนต์พระมาสวดชักผ้าบังสุกุล ด้วยความเชื่อและคิดหวังให้เป็นการสะเดาะเคราะห์ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกจากร่างกาย และต่อชะตาสืบอายุให้มีโชคมีชัย เจริญก้าวหน้าในชีวิต

ธรรมเนียมการแต่งกายอันถือเป็นธรรมเนียมที่ถูกปฏิบัติสืบมา

การแต่งกายไว้ทุกข์ที่ถูกต้อง

ตามธรรมเนียมเก่าแก่ในเรื่องของการแต่งกายไว้ทุกข์ เนื่องด้วยพระมหากษัตริย์สวรรคตนั้น เดิมทีมีระเบียบแบบแผนที่ยึดปฏิบัติกันมาช้านาน แต่ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และค่านิยมจากตะวันตก…

โดยสีของเสื้อผ้าจะเป็นเครื่องบ่งบอกสถานะ และความสัมพันธ์ระหว่างผู้เสียชีวิตและผู้แต่งกาย หากผู้เสียชีวิตมีศักดิ์ใหญ่กว่าเราผู้น้อยแต่งด้วยสีขาว…ในทางกลับกัน หากผู้เสียชีวิตมีศักดิ์น้อยกว่า ควรแต่งด้วยสีดำ

ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยเป็นวงกว้าง การแต่งกายไว้ทุกข์จึงเปลี่ยนเป็นสีดำ หรือสีขาวดำ ซึ่งวัฒนธรรมดังกล่าว ถูกใช้เรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน

ซึ่งในการเข้าไป ประชาชนทั้งชายและหญิง ควรแต่งกายด้วยสีสุภาพ เช่น ขาว, ดำ, เทา และไม่ควรมีลวดลาย อย่านำเครื่องประดับที่เป็นตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ของพระบรมวาศานุวงศ์ที่ยังมีชีวิตมาติดประดับบนเสื้อผ้า นับว่าเป็นสิ่งไม่สมควร ซึ่งสิ่งของอันเป็นมงคลไม่ควรอยู่กับสิ่งของที่ไม่เป็นมงคล ในกรณีที่ประชาชนจะร่วมถวายสักการะพระบรมศพนั้น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายควรยึดตามหลักสากล โดยผู้หญิงไม่ควรนุ่งกางเกง แต่ควรสวมใส่กระโปรงยาวคุมเข่า ไม่รัดรูป ไม่แขนกุด ไม่แฟชั่น ส่วนชายควรสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทดำ กางเกงดำ

พิธีกรรมในงานศพไทย

รดน้ำ

 

พิธีรดน้ำศพ
ก่อนที่จะนำศพใส่โลงเมื่อมีคนสิ้นลมหายใจแล้วจะนำศพมาทำพิธี ซึ่งพิธีที่จะทำเริ่มแรก คือ การอาบน้ำศพหรือที่เรียกกันว่า “พิธีรดน้ำศพ” ซึ่งการรดน้ำศพจะจัดพิธีหลังจากคนตายไปไม่นานนัก โดยใช้น้ำมนต์ผสมน้ำสะอาดโรยด้วยดอกไม้หอมหรืออาจะใช้น้ำอบผสมด้วย ผู้ที่มารดน้ำศพจะรดที่มือข้างหนึ่งของผู้ตายที่ยื่นออกมาและกล่าวคำไว้อาลัย ถือเป็นพิธีเริ่มต้นเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ตาย มักเชิญคนสนิท คนรู้จักหรือผู้ที่เคารพนับถือไปรดน้ำศพเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ที่จากไป

เมื่อท่านไปถึงในพิธีควรจะทักทายและแสดงความเสียใจต่อเจ้าภาพจากนั้นจึงนั่งรอในที่จัดเตรียมไว้ เจ้าภาพจึงจะเชิญท่านไปรดน้ำยังบริเวณที่ตั้งศพ ท่านจึงทำความเคารพศพและเทน้ำอบที่เจ้าภาพได้จัดเตรียมไว้ลงบนฝ่ามือและอโหสิกรรมให้กับผู้ที่ล่วงลับ

 

สวด

 

พิธีสวดอภิธรรม
งานสวดอภิธรรมหรืองานสวดศพเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นสัจธรรมของชีวิตว่า โดยปรมัตถธรรมแท้จริงแล้ว ชีวิตประกอบด้วยธรรมชาติ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นรูป คือ ร่างกาย อันประกอบด้วยธรรมชาติ 4 อย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ (ธาตุ 4) กับส่วนที่เป็นนาม คือ จิตเจตสิก (ขันธ์ 5 : เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ถ้าเห็นสัจธรรมของชีวิตตามธรรมชาติด้วยปัญญาญาณย่อมบรรลุถึงพระนิพพาน การดับกิเลสคือการดับทุกข์ได้ ดังนั้นการสวดพระอภิธรรมในงานศพย่อมมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เห็นความจริงของชีวิตตามธรรมชาติหรือธรรมดารวมถึงระลึกถึงคุณความดีของผู้ที่ล่วงลับ และการเชิญพระมาสวดบทอภิธรรมที่มีความหมายเกี่ยวกับสัจธรรมของชีวิต ส่วนใหญ่มักจัดเป็นงานบุญ 7 วันในตอนกลางคืน

ในส่วนนี้เองที่มักมีการส่งพวงหรีดไปร่วมแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้ที่ล่วงลับ โดยอาจเลือกพวงหรีดที่สวยงามสามารถย่อยสลายง่ายและทำจากวัสดุธรรมชาติหรือพวงหรีดผ้าที่มีการจัดเตรียมอย่างสวยงามไม่แพ้พวงหรีดดอกไม้สด รวมถึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ซึ่งการติดตั้งพวงหรีดไม่ควรติดตั้งเองควรส่งให้กับเจ้าภาพหรือผู้ที่ดูแลนำไปติดตั้ง

เมื่อเข้ามาในศาลาที่ตั้งโลงศพควรกราบพระก่อนด้วยเบญจางคประดิษฐ์ จากนั้นจึงจุดธูป 1 ดอกเพื่อไหว้เคารพตามความเหมาะสม เช่น
• หากผู้ตายเป็นผู้สูงอายุ ให้กราบ 1 ครั้งแบบไม่แบมือ
• หากผู้ตายเป็นพระภิกษุสงฆ์ ให้กราบเบญจางคประดิษฐ์
• หากผู้ตายอยู่ในวัยเดียวกัน ให้ยืนคำนับหรือนั่งไหว้
• หากผู้ตายเป็นผู้น้อยหรืออายุน้อยกว่า ให้ยืนหรือนั่งในท่าสงบ
• หลังจากที่การสวดอภิธรรมเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วจะเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่จากไปด้วยพิธีทอดผ้าบังสุกุลและถวายของจตุปัจจัยให้แก่พระสงฆ์ จากนั้นเป็นการกรวดน้ำให้แก่ผู้ที่ล่วงลับจึงจบพิธีสวดอภิธรรมในแต่ละคืน

การแต่งกายเข้าถวายสักการะพระบรมศพ

%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%81%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%96%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%81

หลังจากสำนักพระราชวังได้รับพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

หลายคนอาจเกิดคำถามเกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายอย่างไรให้เหมาะสมแก่การเข้าไปสักการพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ทั้งยังเป็นการถวายพระเกียรติสูงสุดแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งสำนักพระราชวังได้ออกประกาศเกี่ยวกับระเบียบการแต่งกายดังนี้ สำหรับการแต่งกายที่เหมาะสม คือ

 

สำหรับประชาชนทั่วไปให้ใช้สีดำล้วนเป็นการสุภาพที่สุด

การแต่งกายของพสกนิกรชาวไทยเพื่อแสดงความอาลัยต่อการสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ควรแต่งกายด้วยสีดำเป็นพื้นฐาน โดยใช้สีขาวหรือสีเทาสลับได้ ซึ่งสีดำล้วนถือว่าเป็นการแต่งกายที่สุภาพที่สุด

%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%81%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%96%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%81

รูปแบบเครื่องแต่งกายต้องสุภาพ

เสื้อผ้าควรมีรูปแบบที่สุภาพ เป็นสีพื้นไม่มีลวดลาย โดยหลักควรเป็นสีดำ แต่สามารถใส่สีขาวหรือสีเทาสลับได้ ไม่ควรใส่เสื้อกล้าม เสื้อแขนกุด เสื้อสายเดี่ยว เกาะอก เสื้อเปิดไหล่ เสื้อคอกว้างเกินไป หากจำเป็นต้องสวมใส่เสื้อที่เปิดไหล่ สามารถสวมผ้าคลุมสีดำคลุมทับ หรือสวมเสื้อสูทหรือเสื้อคาร์ดิแกนสีดำทับได้เช่นกัน กางเกงไม่ควรเป็นกางเกงขาสั้น หรือกางเกงรัดรูป สำหรับสุภาพสตรี ไม่ควรใส่กระโปรงสั้น โดยกางเกงยีนส์สามารถสวมใส่ได้ แต่ต้องเป็นกางเกงยีนส์สีเข้ม ไม่ฟอกสี ไม่ขาด

%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%81%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%96%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%81

เสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ถือเป็นการมิควร

สำหรับเสื้อดำที่มีตราสัญลักษณ์ประจำองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศนั้น ไม่ควรนำมาสวมใส่เพื่อแสดงความอาลัย ถือว่าเป็นการมิควรเนื่องจากไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต และถือว่าเป็นการผิดกาลเทศะ

 

ข้าราชการกรณีมิได้เข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพ

ข้าราชการชาย การแต่งกายทั่วไปในการปฏิบัติราชการ ข้าราชการชายให้แต่งด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวหรือสีดำ ผูกเนกไทสีดำ หากจะสวมเสื้อสูทหรือเสื้อคลุมให้ใช้สีดำ โดยอาจใช้ผ้าสักหลาดหรือผ้าโปร่งสีดำพันแขนเสื้อเบื้องบนได้ตามสมควร

ข้าราชการหญิง การแต่งกายทั่วไปในการปฏิบัติราชการ ข้าราชการหญิงให้แต่งกายสุภาพตามรัฐพิธี โดยให้ใช้เครื่องดำล้วน กรณีข้าราชการที่มีกฎหมายกำหนดไว้อย่างอื่นเป็นการเฉพาะ ก็ให้แต่งกายตามนั้น

ประเพณีการตายของชาวจีนในจังหวัดภูเก็ต

%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a8%e0%b8%9e%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99

ชาวจีนให้ความสำคัญกับประเพณีการตายโดยเฉพาะพิธีศพของบุพการี ผู้เป็นบุตรหลานจะต้องจัดอย่างดีที่สุดเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตา มีความละเอียดซับซ้อนสะท้อนภูมิปัญญาเก่าแก่ เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ตายและส่งผู้ตายไปยังภพภูมิที่ดี และบุตรหลานที่ยังมีชีวิตอยู่มีความเจริญรุ่งเรือง รักใคร่สามัคคีกัน เมื่อชาวจีนอพยพไปอยู่ที่ใดก็นำเอาขนบธรรมเนียมประเพณีของชนชาติตนไปปฏิบัติ แม้ว่าชาวจีนที่เดินทางเข้าสู่ภูเก็ตส่วนใหญ่เป็นฮกเกี้ยน การจัดพิธีศพเป็นไปตามแบบของชาวจีนฮกเกี้ยน แต่ก็มีขั้นตอนพิธีกรรมคล้ายคลึงกันกับชาวจีนภาษาอื่นๆ ต่างกันแต่รายละเอียดปลีกย่อย

การแต่งตัวให้ศพ

ชาวจีนนิยมจัดพิธีศพที่บ้านของผู้ตาย ลูกหลานจะอาบน้ำแต่งตัวและตั้งศพไว้ในบ้าน 1 คืน การแต่งตัวศพ ผู้ชายนิยมใส่ชุดท่อนบน(เสื้อ) 4 ตัว ชุดท่อนล่างเป็นกางเกง 2 ตัว รวมกันเป็น 6ชิ้น ผู้หญิงนิยมใส่ชุดท่อนบน 4 ตัว ชุดท่อนล่างเป็นกางเกง 2 ตัว ชิ้นนอกสุดเป็นผ้าถุงหรือเป็นชุดกระโปรงแบบจีน รวมเป็น 7 ชิ้น (ผู้ชายเป็นคู่ผู้หญิงเป็นคี่) ชิ้นนอกสุดนิยมเป็นสีม่วงเข้มการสวมเสื้อ 4 ตัวนั้น คนจีนสมัยก่อนจะนิยมเย็บเสื้อของตัวเองเตรียมไว้สำหรับสวมในวันตาย โดยชั้นในสุดมักเป็นชุดขาว ชั้นนอกเป็นการแต่งกายให้ผู้ตายดูดีมีเกียรติที่สุด การสวมเสื้อผ้าให้ผู้ตายนั้นมีพิธีที่เรียกว่าโถ้ซ้า套衣โดยลูกชายคนโตต้องไปยืนบนเก้าอี้เตี้ยๆ ที่หน้าประตูบ้าน สวมหมวกสานไม้ไผ่ บนหมวกปักดอกกุหลาบแดง ตะเกียบ 12 คู่(เสียบบนหมวก) ยืนกางแขนหน้าบ้านถือเชือก(เพื่อเวลาถอดจะได้ดึงเชือกออกมาพร้อมกัน)ให้คนทำพิธีสวมเสื้อให้ทีละชิ้น เสร็จแล้วถอดเสื้อทั้งหมดออกพร้อมกัน จากนั้นลูกชายเดินออกมาแล้วขว้างหมวกขึ้นไปบนหลังคา แล้วจึงนำเสื้อไปสวมให้แก่ผู้ตาย “คนเป็นสวมกระดุมไว้ข้างหน้า คนตายสวมกระดุมไว้ข้างหลัง”หมายถึงการสวมเสื้อให้ผู้ตายจะสวมเอาด้านหลังของเสื้อมาไว้ด้านหน้า นอกจากเสื้อผ้าแล้วยังสามารถสวมหมวก รองเท้า ถุงมือให้ผู้ตายอย่างเต็มยศ และต้องวางมุก 1 เม็ดไว้ที่หน้าผากของผู้ตาย มุกเปรียบเหมือนแสงสว่างติดไว้ที่หน้าผากเพื่อนำทางหรือเปิดทางให้ผู้ตายเดินทางไปสู่ปรโลก (ชาวกวางตุ้งนิยมนำหยกใส่ลงไปในปากของผู้ตาย)

การแต่งหน้าศพสีสันบนร่างไร้วิญญาณ

เบื้องหลังความตายอาจเป็นมุมมองที่ไม่มีใครอยากสัมผัสแต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยแต่งแต้มสีสันลดความเศร้าหมองแห่งการสูญเสีย พวกเขาทำงานกับศพอย่างไร มีเทรนด์การแต่งหน้าหรือไม่ ต้อสุภาพร เอี่ยมวงศ์ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล ดูแลงานภายในห้องไอซียูมาร่วม 13 ปี เล่าถึงการทำงานด้วยความรักและภูมิใจที่ได้บริการดูแลคนไข้จนถึงวินาทีสุดท้ายข  “ตอนมีชีวิตอยู่เราก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี เมื่อคนไข้เสียชีวิตสิ่งสุดท้ายที่เราสามารถทำให้เขาได้คือการทำศพ ให้อยู่ในสภาพสวยงามที่สุดในวาระสุดท้ายของชีวิต โดยเฉพาะการแต่งหน้าผู้เสียชีวิตจากที่หน้าซีดเซียว ให้ดูมีน้ำมีนวลมีสีสันเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งตรงนี้ต้องขออนุญาตญาติก่อนว่าอยากให้เราทำให้ไหม” ด้วยความเชื่อของคนไทยว่าจิตวิญญาณมีจริง ดังนั้นหากเสียชีวิตก็ควรให้สวมเสื้อผ้าสวยๆ แต่งตัวแต่งหน้าดูดีตอนจากไป

สุภาพร บอกว่าการแต่งหน้าให้ผู้เสียชีวิตก็เหมือนกับการแต่งหน้าคนทั่วไป แต่ต้องทำภายในเวลา 2 ชั่วโมงหลังจากที่เสียชีวิตแล้ว โดยจะเน้นสีที่เป็นธรรมชาติ เรียบๆ สำรวม ดูแล้วเหมือนเป็นคนนอนหลับ สำหรับโทนสีในการแต่งหน้านั้น ขึ้นอยู่กับวัยและสีผิวของผู้เสียชีวิตด้วยถ้าหากเป็นคนผิวขาวหรืออายุยังน้อยจะเลือกใช้เครื่องสำอางสีชมพู หากเป็นคนผิวคล้ำหรือผิวสองสีจะเลือกใช้โทนสีส้มหรือสีน้ำตาล หรือหากเป็นผู้ชายการแต่งหน้าอาจมีเพียงการรองพื้นไม่ให้ผิวซีด ทาแป้ง และทาลิปมันหรือวาสลีนเท่านั้น

“เคยมีอยู่เคสหนึ่งที่อื่นเขาแต่งมาแบบตาสีเขียว ปากแดงแจ๊ด ญาติไม่พอใจเขาเลยอยากให้เราช่วยแก้แต่เราไม่ได้รับทำงานนี้ คือเราดูแลคนไข้ที่โรงพยาบาลเมื่อเสียเราก็ช่วยแต่งให้ฟรีๆ ไม่ได้คิดเพิ่ม ไม่ใช่นโยบายของที่นี่ แต่เราเต็มใจทำให้ ซึ่งนอกจากเรื่องความเชื่อแล้วงานศพของไทยยังมีการรดน้ำศพ การแต่งหน้าจึงมีบทบาทมากขึ้นและมีมานานแล้ว เริ่มแรกสมัยก่อนจะมีแต่ตามโรงพยาบาลเอกชน แต่เดี๋ยวนี้ที่ไหนก็ต้องมี”

สำหรับขั้นตอนการทำศพเบื้องต้น อย่างแรกที่ทำคือ “การอาบน้ำ” เป็นการอาบน้ำ ฟอกสบู่ สระผม เช็ดตัว และเป่าผมให้แห้งด้วยไดร์บนเตียงที่คนไข้เสียชีวิต  จากนั้นจะให้ญาติเลือกเครื่องแต่งกายของผู้เสียชีวิตมาอาจเป็นชุดสวยที่สุดหรือชุดโปรดของผู้ตาย หากเป็นครอบครัวเชื้อสายจีนอาจมีการสวมชุดทับกันตั้งแต่ 3-7 ชั้นตามธรรมเนียมจีน

ขั้นตอนต่อไปคือ “การแพ็กศพ” หมายถึงการใช้สำลีแห้งปิดช่องทวารทั้ง 5 ปาก จมูก หู ทวารหนัก ช่องคลอด ก่อนใส่เสื้อผ้าใหม่และเริ่มขั้นตอน “การแต่งหน้า” เริ่มตั้งแต่การหวีผมรวบไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นต้องทาครีมรองพื้น เกลี่ยให้เสมอกันแล้วทาแป้งให้ผิวหน้าเนียน แล้วจึงทาตา ปัดแก้ม ทาปาก ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%9a%e0%b8%97

10 สิ่งข้อควรรู้ เตรียมความพร้อมก่อนไปงานศพ

8426005_orig

  1. พกกิ่งทับทิมใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อขณะอยู่ในงาน

​ชาวจีนโบราณเชื่อว่าถ้าพกกิ่งทับทิมไปงานศพจะป้องกันเราจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ที่อยู่ในงาน

  1. เตรียมน้ำที่มีใบทับทิมไว้ล้างหน้า

​เราควรล้างหน้าหลังจากกลับจากงานศพเพื่อกันไม่ให้วิญญาณคนตายตามเราเข้ามาบ้าน

  1. นำเข็มกลัดมากลัดไว้ที่เสื้อหรือชุดคลุมท้อง

​หากสุภาพสตรีท่านใดกำลังตั้งครรภ์ ให้นำเข็มกลัดมากลัดไว้ที่เสื้อหรือชุดคลุมท้องเพื่อป้องกันสิ่งเร้นลับทั้งหลายที่สามารถมาทำอันตรายเด็กได้ นอกจากนี้โบราณยังเชื่อว่าหากนำเข็มกลัดมากลัดจะป้องกันเด็กหลุดอีกด้วย

  1. พกมีดขณะอยู่ในงานศพ

​เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งอัปมงคลต่างๆ ขณะที่อยู่ในงาน

  1. ห้ามลอดมองใต้หว่างขา

​การมองลอดใต้หว่างขาไปยังโลงศพไม่ควรทำเพราะจะเห็นคนตาย

  1. อย่าชมพวงหรีดว่าสวย

​แม้ว่าพวงหรีดในงานจะสวยแค่ไหนก็ตาม อย่าชมมันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะมีงานศพตามมาอีก

  1. คนที่กำลังไม่สบายไม่ควรไปงานศพ

​เพราะกำลังมีดวงจิตที่อ่อนแอ วิญญาณและสิ่งอัปมงคลต่างๆ จะถือโอกาสเกาะติดกลับมาบ้านด้วย

  1. ไม่ควรร้บประทานอาหารและเครื่องดื่มในงานศพ

​หากใครที่ดวงชะตาไม่ดีหรือเป็นปีชงไม่ควรรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มในงานศพ เพราะสิ่งชั่วร้ายต่างๆ จะเข้ามาทำร้ายเราผ่านทางอาหารและเครื่องดื่ม

  1. ห้ามหยิบดอกไม้จันทน์ส่งต่อกันในงานศพ

​เพราะการยื่นดอกไม้จันทน์ให้กันนั้นคือการหยิบส่งให้คนตาย ดังนั้นจึงเปรียบเสมือนกับการไปแช่งให้ผู้รับตาย

  1. ที่สำคัญอย่าลืมนำ “พวงหรีด” ไปงานศพ

​ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากลในการไว้อาลัยไปงานศพ เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความเสียใจต่อเจ้าภาพและญาติมิตรของผู้ที่เสียชีวิตแล้ว ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อเทวดาซึ่งจะนำพาดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปสู่สวรรค์อีกด้วย

การเข้าร่วมพิธีศพของคนญี่ปุ่น

Late Nintendo President Satoru Iwata Funeralพิธีฝังศพประเทศญี่ปุ่นมีความเชื่อในศาสนาพุทธแบบชินโต คือจะทำในแบบของศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่กว่า 90% หลังจากมีผู้ที่เสียชีวิตจะนำน้ำมาล้างปากของผู้ตาย สำหรับสถานที่นั้นจะมีการจัดตั้งโต๊ะที่ประดับไว้ด้วยดอกไม้ ,ธูป หรือเครื่องหอมและเทียนใกล้กับร่างของผู้เสียชีวิต และจะมีการนำมีดมาวางไว้บนหน้าอกของผู้ตายเพื่อเป็นขับไล่วิญญาณร้าย หรือสิ่งไม่ดีไม่ให้มายุ่งกับร่าง หลังจากนั้นญาติและคนทำพิธีจะมีการมอบใบประกาศการตาย เป็นพิธีที่เทียบได้กับพิธีบรรจุศพลงในโลงของศาสนาคริสตร์ ได้แก่การอยู่ข้ามคืนเป็นเพื่อนกับผู้ตาย ซึ่งบรรดาคนในครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหาย หรือผู้ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อกับผู้ตายจะอยู่ข้ามคืนพร้อมกันหน้าศพก่อนจะทำการบรรจุหรือทำพิธีต่อไป แท่นบูชาในงานศพนั้นจะเป็นหน้าที่ของผู้ที่รับจัดพิธีเป็นผู้ประดับประดาให้ ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ซึ่งผู้ที่มีอาชีพจัดงานศพนี้จะจัดการให้ตั้งแต่เริ่มพิธีจนกระทั่งส่งมอบอัฐิ

หลังจากบรรจุศพลงในโลงแล้ว ผู้ร่วมพิธีจะทำการไว้อาลัยและทำพิธีกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายให้แก่ผู้เสียชีวิต บางครั้งพิธีศพอาจจะทำกันเป็นการภายในเฉพาะคนในครอบครัวและญาติสนิทเท่านั้น โดยผู้ร่วมพิธีทั่วไปจะเข้าร่วมเฉพาะพิธีกล่าวอำลาเท่านั้น เมื่อพิธีกล่าวอำลาเสร็จสิ้นก็จะนำศพไปเผายังฌาปนสถาน และในวันรุ่งขึ้นจะเก็บอัฐิเพื่อนำกลับบ้านหรือนำไปฝังต่อไป หลังจากจบงานศพจะต้องมีการจัดการเรื่องต่างๆ เช่นเงินบริจาค, รายชื่อผู้บริจาคเงิน, สมุดจดรายละเอียดแขกผู้มีเกียรติ, ดอกไม้และสิ่งของที่ทางแขกเป็นผู้บริจาค, จดหมายหรือข้อความที่ทางแขกที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ส่งมา, ค่าใช้จ่ายต่างๆ, ค่าใช้จ่ายที่ทางบริษัทออกให้ก่อน, เงินทำบุญบริจาคแก่พระสงฆ์, เงินหรือสิ่งของสำหรับขอบคุณผู้ที่ช่วยเหลือ, ของชำร่วย, การไปขอบคุณเพื่อนบ้าน, พิธีครบรอบสี่สิบเก้าวัน, พิธีครบรอบวันตายและอื่นๆ

การไปร่วมพิธีศพ
• เสื้อผ้าสำหรับไปร่วมงานศพ ผู้ชายจะใส่สูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีดำ ส่วนผู้หญิงจะใส่เดรสสีดำทั้งชุด การแต่งตัวต้องสุภาพเพราะถือเป็นการให้เกียรติผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย
• สิ่งที่นำติดตัวไปด้วยคือ ลูกประคำ สำหรับคล้องมือเวลาฟังพระสวดมนต์ และซองเงินช่วยซึ่งจะใส่เงินช่วยเป็นเลขคี่ ตั้งแต่ 3,000 – 30,000 เยน หรือมากกว่านั้นตามกำลังทรัพย์
• เมื่อเข้าไปในงานควรไปลงนามในสมุดร่วมงานที่เจ้าภาพจัดเตรียมไว้พร้อมกับยื่นซองเงินช่วยให้ และไม่ควรพูดเสียงดัง ควรพูดด้วยเสียงค่อยๆเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ

การจัดการพิธีกรรมในงานศพในถูกต้อง

6ความตายเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอกันอยู่แล้ว ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรเกรงกลัวกับความตายที่จะเกิดขึ้นแต่สิ่งที่ควรคำนึงคือการกระทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่ควรพิจารณาว่าเราได้ประกอบคุณงามความดีและสร้างบุญกุศลเอาไว้ได้มากน้อยแค่ ไหนในช่วงที่มีโอกาสเหลืออยู่ การบอกทางเมื่อเชื่อแน่ว่าผู้ป่วยต้องถึงแก่กรรมหรือมีการบอกให้ทราบว่าจะถึงแก่กรรมในระยะอันใกล้นี้แล้ว ผู้พยาบาลต้องจัดหาดอกไม้ธูปเทียนใส่กรวยใบตองให้ผู้ตายถือไว้และบอกให้รำลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์กับให้ทำใจให้สงบไม่กระวนกระวายเพื่อว่าให้ผู้ตายได้ตายด้วยความสงบทั้งทางร่างกายและจิตใจจริง ๆ

การปฏิบัติเมื่อตายแล้วเมื่อสิ้นลมหายใจให้จุดเทียนไว้ข้างศพ โดยใช้เทียนขี้ผึ้งมีไส้ 7 ไส้ เมื่อเทียนเล่มนั้นจุดหมดดับแล้ว ผู้ตายไม่ฟื้นขึ้นก็เชื่อได้ว่าตายแน่แล้ว ถ้าเอาศพเข้าโลงไม่ทันต้องเอาไว้ข้ามคืน ให้เอาผ้าคลุมศพไว้ และอยู่ตามไฟ กับระวังอย่าให้แมวกระโดดข้าม เพราะถือกันว่าผีจะแรง การอาบน้ำศพ ก่อนเอาศพใส่โลงต้องทำพิธีอาบน้ำศพเสียก่อน ตอนแรกอาบด้วยน้ำอุ่น แล้วอาบด้วยน้ำเย็นฟอกศพด้วยผิวมะกรูดแล้วล้างให้สะอาด เช็ดถูให้แห้งแล้วตำขมิ้นชันสดกับผิวมะกรูดขัดให้ทั่วอีกทีหนึ่ง แล้วแต่งตัวศพด้วยเสื้อผ้าใหม่ ถ้าจะมีการรดน้ำศพอีกก็เอาศพขึ้นวางบนเตียงจับแขนข้างหนึ่งให้ทอดออกมาผู้มารดน้ำศพก็เอาน้ำหอมหยดลงที่ฝ่ามือของศพ อธิษฐานในใจให้อโหสิกรรมที่อาจจะมีอยู่แก่กันเสีย

การเอาศพใส่โลงก่อนเอาศพใส่โลงให้ตำหมากใส่ในปากศพคำหนึ่ง แล้วหาเงินบาทหรือแหวนทองคำใส่ลงไปในปาก เอาขี้ผึ้งหนาประมาณครึ่งนิ้วกว้างพอดีกับหน้าของศพปิดหน้าศพไว้เพื่อกันอุจาดนัยน์ตา เอากรวยดอกไม้ธูปเทียนใส่มือ แล้วตราสังข์ศพด้วยผ้าขาว ยกไปวางในโลง ปิดฝาโลงให้เรียบร้อย การตั้งศพทำบุญ การตังศพทำบุญจะทำที่บ้านหรือที่วัดก็ได้ตอนค่ำมีการนิมนต์พระมาสวดพระอภิธรรมเป็นประจำทุกคืนจนกว่าจะถึงวันกำหนดทำพิธีเผาหรือเก็บศพไว้เผาทีหลัง การเผาศพเมื่อถึงวันเผาศพยกศพไปตั้งในศาลานิมนต์พระมาสวดบังสุกุลถ้ามีเทศน์ก็เทศน์เสียก่อนบังสุกุล หามโลงเวียนเชิงตะกอน 3 รอบแล้วเอาขึ้นตั้งบนเชิงตะกอนให้พระจุดไฟเผาก่อนคนไปร่วมด้วยจึงจุดไฟเผาทีหลังในตอนนี้อาจจะมีการสวดหน้าไฟด้วยก็ได้การเก็บกระดูกศพมักเผาในตอนเย็นรุ่งเช้าจึงมีการเก็บกระดูกและนิมนต์พระมาตักบาตรปากหลุม เป็นเสร็จพิธี

การทำศพของคนสมัยก่อนที่ไม่มีให้เห็นแล้วในสมัยนี้

4

ในยุคนี้ที่ความเชื่อไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของคนไทยมากมายเหมือนเมื่อก่อนพิธีกรรมต่าง ๆ ที่คนโบราณเคยถือปฏิบัติกันมา ก็ดูเหมือนจะถูกกลืนหายไปกับกาลเวลาทุกวัน ทุกวันด้วยความคิดของคนที่เปลี่ยนไป และเห็นว่าพิธีกรรมเดิม ๆ ที่เคยทำกันมานั้นแสนจะยุ่งยากมากความซะเหลือเกินและพิธีกรรมเกี่ยวกับการทำศพก็คงเป็นหนึ่งในนั้นนั่นแหละค่ะเพราะสมัยนี้เวลามีคนตายเมื่อไหร่วัด ก็ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่รับหน้าที่ทำศพไปอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่าได้เอาไปเทียบกับสมัยก่อนเชียวนะคุณ ๆ  เพราะสำหรับคนโบราณแล้วกว่าจะถึงขั้นตอนการเผาศพหรือฝังศพได้เนี่ย ก็ต้องทำนู่นนี่อีรุงตุงนังมากมายเลยทีเดียวค่ะแต่ขั้นตอนของการทำศพในสมัยก่อนจะต้องทำอะไรบ้างก่อนหลัง คงไม่ขอพูดถึงดีกว่าเพราะมันคงยาวยืดไปหลายตอนเลยทีเดียวเอาเป็นว่าเอนทรี่นี้ขอหยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับการทำศพของคนสมัยก่อนที่ไม่มีให้เห็นแล้วในสมัยนี้มาเล่าให้เด็กสมัยใหม่ฟังกันดีกว่าว่าแล้วก็ไปดูกันว่า พิธีกรรมการทำศพที่เลือนหายไปแล้วน่ะมีอะไรบ้าง

เงินปากผีสมัยก่อนคนโบราณจะนำเงินพดด้วงผูกเชือกใส่ไว้ในปากศพ ด้วยความเชื่ออยู่ 3 อย่างค่ะหนึ่ง คือ เป็นปริศนาธรรมว่าคนตายไปแล้ว แม้แต่เงินทองก็เอาไปไม่ได้ สอง คือ เป็นค่าจ้างให้กับสัปเหร่อ เพราะเจ้าภาพต้องวุ่นอยู่กับการต้อนรับแขก ไม่มีเวลาเอามาให้สัปเหร่อโดยตรง เลยเอาเงินค่าจ้างใส่ปากศพไว้ให้สัปเหร่อล้วงเอาไปนั่นแหละสาม คือ เป็นค่าจ้างสำหรับผู้นำดวงวิญญาณของคนตายไปสู่โลกของวิญญาณหมากปากผี คนโบราณจะตำหมากใส่ปากศพเพื่อเป็นปริศนาธรรมว่า นอกจากคนตายจะเอาทรัพย์สินไปไม่ได้แล้ว แม้แต่หมากที่คนโบราณชอบเคี้ยวกันทุกวัน พอตายไป ต่อให้ป้อนให้ก็ไม่สามารถเคี้ยวได้อีกต่อไปเหมือนกันอาบน้ำศพ คำว่าอาบน้ำศพของคนโบราณ คือการอาบน้ำทั้งตัวเลยค่ะ โดยจะต้มน้ำแล้วใส่สมุนไพรต่าง ๆ ลงไป จากนั้นรอให้น้ำอุ่นก่อนค่อยเอามาอาบน้ำให้ศพ แล้วค่อยอาบด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง ก่อนฟอกด้วยขมิ้นชันเป็นอันเสร็จพิธีส่วนพิธีรดน้ำที่มือศพที่หลายคนเรียกกันว่าอาบน้ำศพในสมัยนี้ ต้องเรียกว่า รดน้ำศพ ถึงจะถูกค่ะ ประตูป่า ก็คือประตูที่ทำเพื่อเอาศพออกโดยเฉพาะ ซึ่งสมัยก่อนคนโบราณจะรื้อฝาบ้านแล้วเอากิ่งไม้มาปักไว้แล้วรวบเป็นซุ้ม แล้วค่อยนำศพออกจากบ้าน โดยเอาปลายเท้าศพออกก่อน เพื่อไม่ให้ศพเห็นบ้านได้ ซึ่งพอเอาศพออกไปแล้ว เค้าก็จะรื้อประตูป่าทิ้งทันที แล้วปิดฝาบ้านที่ทำแบบนี้ เพราะเชื่อว่าวิญญาณคนตายจะหาทางเข้าบ้านไม่ได้นั่นเอง

จิตอาสาช่วยเหลืองานศพในชุมชน สร้างความสามัคคี มีน้ำใจต่อสังคม

ในปัจจุบันพิธีงานศพที่จัดขึ้นแต่ละครั้ง พบว่าค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่ละครั้ง ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย จนเกิดปัญหากับชาวบ้านหรือผู้ยากจนฐานะทางการเงินไม่ดี ประกอบกับการจัดงานต้องว่าจ้างแรงงานหรือผู้ที่จะมาช่วยงานในราคาค่อนข้างสูง จึงเกิดประกายของกลุ่มเด็กนักเรียน โรงเรียนชุมชนที่ 11 วัดสุวรรณประดิษฐ์ ต.ไผ่ขอดอน อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดแรกและจุดเริ่มต้น ที่มองเห็นความสำคัญของการจัดพิธีงานศพของคนในชุมชน ปัญหาที่ต้องหาเงินจำนวนมากมาจัดงานศพ ทำให้ชาวบ้านที่ยากจนไม่สามารถดำเนินการได้ครบสมบูรณ์ หรือไม่สามารถจัดงานศพได้ดีเท่าที่ควร จึงเกิดมีโครงการจิตอาสาช่วยเหลือคนยากจนและงานศพในท้องถิ่น โดยมีกลุ่มจิตอาสาจากเด็กนักเรียนโรงเรียนโรงเรียนชุมชนที่ 11 วัดสุวรรณประดิษฐ์ เข้าไปช่วยเหลือในการจัดงานศพ ครั้งละ 7-15 ตามความเหมาะสม โดยแบ่งกันทำหน้าที่ อาทิ เตรียมของชำร่วย บริการเสริฟน้ำดื่ม แจกดอกไม้จันทน์ ถือพานผ้าบังสุกุล ช่วยจัดเก็บสถานที่ พร้อมทั้งนำวงดุริยางค์ของโรงเรียนมาร่วมบรรเลงเพลงพญาโศก ช่วงพิธีฌาปนกิจศพ ตลอดทั้งมีการตั้งกองทุนบริจาคช่วยเหลืองานศพจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญ

วัตถุประสงค์ของโครงการจิตอาสาช่วยเหลือคนยากจนและงานศพในท้องถิ่น เพื่อสร้างเสริมคุณธรรมจริยธรรม ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา คือ อิทธิบาท 4 และหลักคุณธรรม 4 ประการ เพื่อให้จิตอาสารู้จักการช่วยเหลือบุคคล ในสังคมที่กำลังได้รับความทุกข์และความเดือดร้อน สร้างความสามัคคีในเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ส่งเสริมให้นักเรียนมีจิตสำนึกในการทำความดี ให้รู้จักการเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนร่วม การทำงานร่วมกัน และให้มีทักษะในการทำงาน

การทำงานของกลุ่มนักเรียนจิตอาสา ได้รับการสนับสนุนจาก นายสมชาย ภัทรวิวัฒนพงศ์ ผอ.โรงเรียนชุมชนที่ 11 วัดสุวรรณประดิษฐ์ โดยมีพระครูพิพัฒน์สุวรณประดิษฐ์ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณประดิษฐ์ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งจะมีการแบ่งกลุ่มนักเรียนจิตอาสาในการทำงานแต่ละหมู่บ้าน ไปสำรวจหาผู้สูงอายุ โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียนและวันเสาร์อาทิตย์ นำเข้าที่ประชุมสมาชิกจิตอาสา หาแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมนำเสนอครูที่ปรึกษาและผู้บริหาร และดำเนินการตามขั้นตอนของงาน ตลอดเวลาที่กลุ่มนักเรียนจิตอาสาได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือสังคม ปรากฏว่าได้รับความชื่นชมและยกย่องในความเสียสละเวลาของนักเรียนกลุ่มจิตอาสา ที่ได้เข้าช่วยเหลืองานศพและคนยากจนในพื้นที่ ทำให้พิธีงานศพสำเร็จลุล่วงผ่านไปด้วยดีทุกงาน